ต้นแบบการเก็บเงินแยกกระปุก JARs System
การเก็บเงินนั่นไม่ใช่เรื่องยาก แต่หากเราต้องการเก็บเงินให้มีประสิทธิภาพนั่นไม่ง่ายเลยนะครับ เพราะว่าเราทุกคนเป็นคนมีค่า เช่น ค่ารถ ค่าบ้าน ค่าไฟ ผมจึงอยากเขียนสรุปถึงเรื่องการเก็บเงินที่หลายๆ คนมีปัญหาเพราะตัวผมเองก็มีปัญหาการไม่ได้วางแผนการเก็บเงินจนล่วงเลยมาจนอายุ 30 กว่าๆ เข้าไปแล้ว และกำลังทดลองทำสิ่งนี้อยู่ ลองอ่านดูครับ
JARs System คืออะไร
JARs System คือวิธีการบริหารเงินที่มีประสิทธิภาพอย่างเป็นระบบ และเห็นผลดีรูปแบบหนึ่งที่ถูกคิดโดย T Harv Eker เขาเป็น Sperker ด้านการเงินการลงทุน เจ้าของหนังสือ Secrets of the Millionaire Mind ทฤษฎีของ T Harv Eker คือการจัดสรรปันส่วนทรัพยากรหรือเงินเดือน ให้ออกมาเป็นแผนภูมิการเงิน แบ่งเป็น 6 ส่วน และใช้สัญลักษณ์ขวดโหล (JARs) แทนสัดส่วนที่เหมือนการเก็บเงิน 6 กระปุก
JARs System มีอะไรบ้าง
- Necessity Account (NEC 55%)
- Play Account (PLY 10%)
- Financial Freedom Account (FFA 10%)
- Education Account (EDU 10%)
- Long-term Saving for Spending Account (LTS 10%)
- Give Account (GIV 5%)
ยกตัวอย่าง เช่น หากคุณมีเงินเดือน 100,000.- ให้เราลองทำตามแบบนี้ครับ
- ค่าใช้จ่ายจำเป็นทั่วไป 55,000.-
- ค่าใช้จ่ายเพื่อการพักผ่อน 10,000.-
- ลงทุนเพื่ออิสระภาพทางการเงิน 10,000.-
- ค่าพัฒนาทักษะ (ลงทุนเพื่อแสวงหาความรู้) 10,000.-
- เงินออมเพื่อใช้จ่ายระยะยาว 10,000.-
- เงินสำหรับการให้ บริจาคส่วนรวม 5,000.-
เริ่มต้นเก็บเงินเป็นระบบด้วย JARs System
ขวดใบที่ 1 ใช้จ่ายตามความจำเป็น
ค่าน้ำ ค่าไฟฟ้า ค่ากินเพื่อความอยู่รอด ค่าเดินทางรายวัน
ขวดใบที่ 2 ใช้เพื่อให้รางวัลตนเอง
ท่องเที่ยว ดูหนังฟังเพลง ซื้อของที่ชอบเพื่อให้ตัวเองรู้สึกดีขึ้น ของที่เราตั้งใจว่าจะซื้อ ฯลฯ
ขวดใบที่ 3 เพื่ออิสระภาพทางการเงิน
การลงทุนในหุ้น เป็นการใช้เงินต่อเงิน กองทุนรวมทั้งระยะสั้น ระยะยาว LTF, RMF, Insurance หรือ พันธบัตรรัฐบาล
ขวดใบที่ 4 ลงทุนในความรู้ เพื่อพัฒนาตนเอง
การเรียนรู้ไม่มีคำว่าสายเกินไป เปลี่ยนเงินให้เป็นความรู้ประดับตนเอง ซื้อหนังสือดีๆ มาอ่าน อบรมสัมมนา เวิร์คช็อปเรียนทำอาหาร ขนม ดนตรี
ขวดใบที่ 5 เพื่อการออม
เพื่อใช้ระยะยาว เช่น ประกันชีวิต เพื่อต่อประกันรถยนต์ ค่าซ่อมแซมบ้าน ค่าเล่าเรียน ค่าแต่งงาน ค่าใช้จ่ายเหล่านี้หลายคนมักมองข้ามเพราะยังรู้สึกว่า ยังไม่ใช่เวลาของตัวเอง
ขวดใบที่ 6 เงินใช้ในการแบ่งปัน รู้จักเป็นผู้ให้
เงินแบ่งปันให้ผู้อื่น บริจาคหรือให้ของขวัญแก่คนสำคัญ ช่วยเหลือองค์กรการกุศลต่างๆ
สิ่งที่จะได้รับหากคุณทำ JARs System
หากทุกวันนี้คุณเป็นหนี้อยู่ใช่ไหม ? (มีใครบ้างไม่เป็นหนี้) สิ่งแรกที่ผมเห็น คือ หลายคนมี “ความกดดัน” จากการเป็นหนี้ เงินเดือนจะออกไปใช้หนี้หรือยัง ใช้เงินเดือนชนเดือน ความกังวลนี้มีผลทางจิตวิทยา ทำให้ประสิทธิภาพการทำงานลดลง
รายจ่ายคุณจะลดลงอย่างเห็นได้ชัด หากคุณยังจ่ายบัตรเครดิตขั้นต่ำอยู่ หรือผ่อนอะไรที่ต่ำกว่าปกติทั้งๆ ที่เราสามารถจ่ายเต็มได้ หนี้เหล่านั้นมันเดินลอยไปลอยมาแบบชิวๆ เพราะคุณเห็นว่ามันน้อย คุณเลยไม่รู้ตัวแบบ ช่างมันเถอะ แต่พอรวมกันจะพบว่ามหาศาล ปล. ผมลองคำนวนหนี้ตัวเองเมื่อเดือนก่อน ดอกเบี้ยอย่างเดียวเกือบ 20,000 ต่อเดือน เฮ้ย! ทำไมเราต้องจ่ายอะไรพวกนี้
สิ่งที่ชัดเจนสุดๆ อีกอย่างที่ผมคิดว่าสำคัญที่สุดในชีวิตคือ “ความเครียด” ครับ ที่ยิ่งระยะเวลาเนิ่นนานไปเท่าไร มันก็ค่อยๆ ทำให้ความรู้สึกนั้นหายไป เหลือแต่ “ความสบายใจ” ที่จะเข้ามาแทน รู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไร รู้จักตัวเอง
บทความนี้อาจจะมีแรงผลักดันเล็กๆ ให้คุณ กระตุก Passion ให้หลายคนหันมาสนใจการบริหารเงิน ผมคนหนึ่งที่กำลังเริ่มทดลองการทำสิ่งนี้ สุดท้ายขอบคุณมากสำหรับคนที่อ่านจนจบครับ ถ้าชอบช่วยแชร์กันต่อ เผื่อคนอื่นจะได้เห็นแล้วจุดประกายเขา คุณจะมีคุณค่าสำหรับเขานะครับ
เจ้าของแฟนเพจพี่หมีฮาร์ดเซลล์ | ครีเอทีฟไดเร็คเตอร์เอเจนซี่เล็กๆ | SEO Specialist | ที่ปรึกษาการตลาดออนไลน์ | รักการถ่ายภาพ